ตำรวจภูธรภาค 1 ทลายเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ ลักลอบขนจากภาคใต้สู่ภาคกลาง มูลค่ารวมกว่า 20 ล้านบาท หลังขยายผลจากการจับกุมก่อนหน้า พบของกลางกว่า 48,000 ชิ้น พร้อมผู้ต้องหา 2 ราย ดำเนินคดีตามกฎหมายเต็มรูปแบบ
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง แถลงผลการจับกุมเครือข่ายลักลอบขนบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ ซึ่งลำเลียงสินค้าผิดกฎหมายจากพื้นที่ภาคใต้ขึ้นมาจำหน่ายในภาคกลาง รวมมูลค่าของกลางกว่า 20 ล้านบาท
การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตาม นโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงทั่วประเทศเร่งปราบปรามอาชญากรรม และการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อเยาวชนและความมั่นคงของประเทศในระยะยาว
โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำแนวทางดังกล่าวมากำหนดเป็นนโยบายปฏิบัติทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวนปราบปรามผู้ลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าและสินค้าหนีภาษี
ผลการสืบสวนของ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 (บก.สส.ภ.1) นำโดย พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 และทีมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน พบกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงบุหรี่ไฟฟ้าจากภาคใต้เข้าสู่ภาคกลาง โดยใช้รถกระบะตู้ทึบเป็นพาหนะ
จากการติดตามและสังเกตการณ์ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ
-
นายมัรวาน อายุ 23 ปี ชาวจังหวัดสงขลา
-
นายอิลรอเฮง อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดปัตตานี
พร้อมของกลาง
-
บุหรี่ไฟฟ้ารวม 48,301 ชิ้น
-
รถยนต์กระบะตู้ทึบ โตโยต้า รีโว้ สีขาวและสีเทา อย่างละ 1 คัน
-
โทรศัพท์มือถือรวม 4 เครื่อง
มูลค่าของกลางรวมกว่า 20,000,000 บาท
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการจับกุมก่อนหน้าเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568 ที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมของกลางบุหรี่ไฟฟ้า 4,476 ชิ้น มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ก่อนจะขยายผลจนพบขบวนการใหญ่เชื่อมโยงมาจากภาคใต้
ผู้ต้องหาทั้งสองถูกแจ้งข้อหา “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย หรือรับไว้ซึ่งของต้องห้าม ที่หลีกเลี่ยงการเสียภาษี หรือเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านศุลกากร” ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560
พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1 กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการสกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมายที่กำลังแพร่ระบาดในกลุ่มเยาวชน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและสังคมในวงกว้าง พร้อมยืนยันว่าจะเร่งขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในทุกมิติ
นอกจากนี้ ตำรวจภูธรภาค 1 ยังได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบว่า การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้ามีความผิดทางกฎหมาย และขอความร่วมมือหากพบเบาะแสการลักลอบจำหน่าย สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 191 เพื่อร่วมกันป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าถึงสิ่งเสพติดรูปแบบใหม่
“เราจะดำเนินการปราบปรามอย่างต่อเนื่องและเข้มงวด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน และรักษาความปลอดภัยในสังคมอย่างยั่งยืน” ผบช.ภ.1 กล่าวทิ้งท้าย