รมว.พม. ปาถกฐาพิเศษ แนะครูสู่โค้ชชีวิต ปั้นคนรุ่นใหม่เป็นทุนมนุษย์พัฒนาประเทศในอนาคต

129
0
Reading Time: 2 minutesReading Time: 2 minutes

รมว.พม. ปาถกฐาพิเศษ แนะครูสู่โค้ชชีวิต ปั้นคนรุ่นใหม่เป็นทุนมนุษย์พัฒนาประเทศในอนาคต

วันนี้ (24 ธ.ค. 65) เวลา 10.30 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 (สพป.พิษณุโลก เขต 2) เพื่อเปิดการอบรมหลักสูตร “ครู – โค้ช – คน เข้าใจตน โค้ชคนเพื่ออนาคต” รุ่นที่ 2 สำหรับครูประถมศึกษาจาก 123 โรงเรียนในเขตพื้นที่ สพป.พิษณุโลก เขต 2 พร้อมทั้งปาถกฐาพิเศษ เรื่อง Building Blocks for Learning จากนั้น เดินทางต่อไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพิษณุโลก อุตรดิตถ์ (สพม.พิษณุโลก อุตรดิตถ์) เพื่อเปิดการอบรมหลักสูตร “ครู – โค้ช – คน เข้าใจตน โค้ชคนเพื่ออนาคต” รุ่นที่ 3 สำหรับครูมัธยมศึกษาจาก 39 โรงเรียนในเขตพื้นที่ สพม.พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ทั้งนี้ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) พร้อมผู้บริหารกระทรวง พม. พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก พร้อมผู้แทนหน่วยงานทีม พม. One Home เข้าร่วม

นายจุติ กล่าวว่า การอบรมหลักสูตร “ครู – โค้ช – คน เข้าใจตน โค้ชคนเพื่ออนาคต” เกิดจากความร่วมมือระหว่างกระทรวง พม. และกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นโครงการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) เมื่อประมาณ 2 ปี โดยให้หาครูแนะแนวสู่โค้ชชีวิตในขั้นต้นอย่างน้อย 20,000 คนทั่วประเทศ อย่างมีคุณภาพและเร็วที่สุด เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำและแก้ปัญหาสังคม อีกทั้งเป็นที่พึ่งทางใจสำหรับเด็ก ซึ่งปัจจุบัน ปัญหามากมายอยู่ที่เด็ก ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาความยากจน การตั้งครรภ์ในวัยเรียน ความรุนแรงในครอบครัว การแสวงหาประโยชน์จากเด็ก การล่วงละเมิด และปัญหายาเสพติด เป็นต้น

นายจุติ กล่าวต่อไปว่า เราต้องช่วยกันสร้างโอกาสแห่งความเท่าเทียมกันทางการศึกษาให้กับเด็กไม่ว่าจะเรียนที่ไหน ใกล้หรือไกลเพียงใด โดยต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเด็กในการเรียนรู้ ซึ่งห้องสมุดจะไม่ใช่เป็นเพียงห้องที่รวบรวมหนังสือ แต่จะต้องเป็นห้องสมุดดิจิทัลที่มีคอมพิวเตอร์สำหรับเปิดโลกการเรียนรู้ของเด็กให้กว้างขวางและทั่วถึงยิ่งขึ้น

สำหรับเด็กที่มีฐานะยากจน ซึ่งมักอยู่กับปู่ย่าตายายที่เป็นผู้สูงอายุ เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองต้องไปงานที่จังหวัดอื่น เราต้องช่วยกันส่งเสริมเรื่องการมีอาชีพ เพื่อให้มีรายได้ดูแลตนเองได้ ซึ่งมีหลายโรงเรียนได้สอนวิชาการควบคู่ไปกับการอาชีพ ซึ่งเมื่อเด็กเรียนจบแล้ว สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพได้ทันที นอกจากนี้ เราต้องร่วมมือกับเครือข่ายภาคธุรกิจเอกชนส่งเสริมอาชีพที่ขาดแคลนและอาชีพใหม่ๆ ของตลาดแรงงาน ที่สร้างรายได้ที่ดีและมั่นคงในอนาคต อาทิ Butler เชฟอาหารไทย ผู้ดูแลผู้สูงอายุ และผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม เป็นต้น

 

นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การอบรมหลักสูตรนี้ มีความจำเป็นและความสำคัญในการเป็นครูแนะแนวสู่โค้ชชีวิตสำหรับเด็กเพื่อช่วยสร้างคนรุ่นใหม่เป็นทุนมนุษย์ที่มีคุณภาพในการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยเรามาทำงานร่วมกันไม่ว่าจะเป็น ห้องสมุดดิจิทัล โรงเรียนสอนผู้ปกครอง “พิษณุโลก พร้อมช่วย” ศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบล และกองทุนต่างๆ สำหรับเด็ก

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *